เคยไหมครับที่คิดว่าไอเดียสุดเจ๋งของคุณไม่มีใครเหมือน แต่พอจะจดสิทธิบัตรกลับพบว่ามัน ‘ไม่ใหม่’ ซะแล้ว?
เมื่อพูดถึงการขอรับสิทธิบัตร หนึ่งในหัวใจสำคัญและถือเป็นสิ่งแรกที่คุณต้องรู้ คือ “ความใหม่” หรือ Novelty ซึ่งหมายถึงสิ่งประดิษฐ์ของคุณต้องไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะในรูปแบบใดมาก่อน การตรวจสอบความใหม่เป็นขั้นตอนสำคัญที่นักวิจัยและผู้ประกอบการทุกคนควรรู้จัก เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณมีเอกลักษณ์แล้ว ยังเพิ่มโอกาสให้สิทธิบัตรของคุณได้รับการอนุมัติและปกป้องอย่างมั่นคง การเข้าใจและเตรียมพร้อมในขั้นตอนนี้คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของการขอจดสิทธิบัตร
สารบัญ
ทำไม “ความใหม่” ถึงสำคัญกับการจดสิทธิบัตร ?
- ปกป้องสิ่งประดิษฐ์ที่แท้จริง
สิทธิบัตรมีไว้เพื่อปกป้องการประดิษฐ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน หากสิ่งประดิษฐ์ไม่มีความใหม่ ย่อมไม่สมควรได้รับการผูกขาดทางกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว การกำหนดให้ผลงานต้องมีความใหม่จึงเป็นหลักสำคัญที่ช่วยให้ระบบสิทธิบัตรมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ - หลีกเลี่ยงการซ้ำซ้อน
หากอนุญาตให้มอบสิทธิบัตรให้กับสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีความใหม่ จะทำให้เกิดการ “ครอบครองสิ่งที่มีอยู่แล้ว” ซึ่งสร้างความขัดแย้งในระบบทรัพย์สินทางปัญญา และทำให้เกิดข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างผู้ยื่นคำขอกับผู้ที่ใช้งานสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นอยู่ก่อน ความใหม่ทำให้กระบวนการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามีความโปร่งใสและยุติธรรมต่อสังคม - ผลักดันให้นวัตกรรมและเทคโนโลยีก้าวหน้า
การกำหนดให้สิ่งประดิษฐ์ต้องมีความใหม่ ช่วยกระตุ้นให้ผู้ประดิษฐ์และนักวิจัยมุ่งพัฒนาสิ่งที่แตกต่างและดีกว่าสิ่งที่มีอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งนี้ช่วยเร่งการเติบโตของเทคโนโลยีและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่แท้จริงให้กับอุตสาหกรรม - รักษาสิทธิและประโยชน์ของสังคมโดยรวม
สิทธิบัตรเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการมอบสิทธิพิเศษกับผู้ประดิษฐ์ และส่งเสริมให้ความรู้เผยแพร่สู่สาธารณะ เมื่อสิทธิบัตรหมดอายุ สาธารณะจะได้ประโยชน์จากการเข้าถึงองค์ความรู้ที่เคยได้รับความคุ้มครอง แต่หากสิ่งประดิษฐ์นั้นไม่มีความใหม่ตั้งแต่แรก สังคมจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มเติม เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คนทั่วไปสามารถใช้หรือปรับปรุงได้อยู่แล้ว
ก่อนจะมั่นใจว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณมีความใหม่จริงตามกฏหมายสิทธิบัตร สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าสิ่งประดิษฐ์ที่ต้องการขอรับสิทธิบัตรต้องไม่เป็นส่วนหนึ่งของ “งานที่ปรากฏอยู่แล้ว” หากสิ่งประดิษฐ์นั้นเคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะในรูปแบบใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร วารสาร สื่อประชาสัมพันธ์ การบรรยาย หรือการใช้งานจริง ก่อนวันที่ยื่นคำขอสิทธิบัตร สิ่งประดิษฐ์นั้นจะถือว่าขาดความใหม่ และจะไม่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้
ข้อกำหนดตามกฎหมายไทย
ตาม มาตรา 6 ของพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ได้ระบุว่า สิ่งประดิษฐ์จะถือว่า “งานที่ปรากฏอยู่แล้ว” หากเข้าข่ายเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งต่อไปนี้ ซึ่งหมายความว่าสิ่งประดิษฐ์นั้นขาดความใหม่ และไม่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้
- มีการใช้งานหรือเผยแพร่ในประเทศไทยก่อนวันยื่นคำขอสิทธิบัตร
หากสิ่งประดิษฐ์ของคุณมีอยู่แล้วในตลาดไทย หรือมีการใช้งานแพร่หลายก่อนที่คุณจะยื่นคำขอ สิ่งนั้นจะถือว่าไม่ใหม่ เช่น คุณได้นำต้นแบบสินค้าไปวางขายในร้านค้า หรือนำไปสาธิตในงานแสดงสินค้า ก่อนที่จะยื่นจดสิทธิบัตร สิ่งประดิษฐ์นั้นก็จะถือว่าไม่มีความใหม่ทันที - มีการเปิดเผยสาระสำคัญในเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ก่อนวันยื่นคำขอ
การเปิดเผยนี้อาจอยู่ในรูปของบทความ หนังสือ รายงาน หรือการนำเสนอในงานแสดงสินค้า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในหรือนอกประเทศไทย เช่น การตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารทางวิชาการ การนำเสนอในงานประชุมวิชาการ หรือแม้กระทั้งการโพสต์รายละเอียดสำคัญลงบนโซเชียลมีเดีย ก่อนวันยื่นคำขอสิทธิบัตร สิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นการเปิดเผยสาระสำคัญแล้วเช่นกัน - ได้รับสิทธิบัตรแล้วทั้งในไทยและต่างประเทศ
หากสิ่งประดิษฐ์ของคุณเคยได้รับการจดสิทธิบัตร ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ก็จะไม่ถือว่าเป็นการประดิษฐ์ใหม่ - มีคำขอสิทธิบัตรที่ยื่นไว้ในต่างประเทศเกิน 12 เดือน ก่อนวันยื่นในไทย
แม้สิทธิบัตรในต่างประเทศยังไม่ได้รับการอนุมัติ แต่หากคำขอยื่นไว้นานเกิน 12 เดือน ก็ถือว่าเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้ว และถือว่างานประดิษฐ์นั้นไม่มีความใหม่ - มีคำขอสิทธิบัตรที่ได้รับการเผยแพร่หรือประกาศโฆษณาก่อนวันยื่นคำขอในไทย
คำขอสิทธิบัตรที่ถูกประกาศในที่สาธารณะก่อนวันยื่นคำขอในประเทศไทย จะถือเป็นการเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว
ข้อยกเว้นที่ยังสามารถขอสิทธิบัตรได้
(เปิดเผยไปแล้ว…ยังมีโอกาสจดสิทธิบัตรได้ไหม?)
อย่างไรก็ตาม กฎหมายได้ระบุข้อยกเว้นสำหรับการเปิดเผยที่เกิดขึ้นภายใน 12 เดือน ก่อนวันยื่นคำขอสิทธิบัตร ซึ่งไม่ถือว่าเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้ว หากเกิดในเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- การเปิดเผยเกิดจากการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น การละเมิดสิทธิของผู้ประดิษฐ์ หรือมีคนขโมยไอเดียของคุณไปเผยแพร่ หรือเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การเปิดเผยแบบนี้จะไม่ทำให้คุณเสียสิทธิ์ “ความใหม่” ไป
- การเปิดเผยเป็นผลงานของผู้ประดิษฐ์เอง เช่น กรณีที่คุณนำสิ่งประดิษฐ์ไปนำเสนอในงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ หรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้เผยแพร่ผลงานของคุณเอง (เช่น งานแสดงผลงานวิจัยของผู้ให้ทุน) และมีการขอหนังสือรับรองจากหน่วยงานนั้น ๆ การเปิดเผยลักษณะนี้จะได้รับการยกเว้นครับ แต่ต้องทำภายใน 12 เดือน ก่อนวันยื่นคำขอสิทธิบัตรเท่านั้น
ก่อนที่คุณจะมั่นใจว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณ “ใหม่จริง” ขั้นตอนสำคัญที่สุดคือ การตรวจสอบความใหม่ อย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยขั้นตอนนี้จะช่วยประเมินว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณมีลักษณะเฉพาะและเหมาะสมที่จะได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตรอย่างแท้จริง
การตรวจสอบความใหม่ด้วยตัวเอง
การตรวจสอบความใหม่นี้สามารถทำได้โดยการค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่รวบรวมสิทธิบัตรที่ได้รับการจดทะเบียนจากทั่วโลก ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยตรวจสอบได้ว่ามีสิ่งประดิษฐ์ใดที่คล้ายคลึงหรือเหมือนกับสิ่งประดิษฐ์ของคุณหรือไม่ เช่น
- Google Patents (เข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับค้นหาภาพรวม)
- WIPO PATENTSCOPE (รวมข้อมูลสิทธิบัตรจากกว่า 150 ประเทศในระบบ PCT)
- Espacenet (ฐานข้อมูลใหญ่ของยุโรป)
- The Lens (เครื่องมือวิเคราะห์สิทธิบัตรและงานวิจัย)
- ฐานข้อมูลสิทธิบัตรประเทศไทย ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา (อย่าลืมตรวจสอบของประเทศไทยด้วย)
นอกเหนือการสืบค้นจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร การตรวจสอบความใหม่ยังรวมถึงการค้นหาข้อมูลจากเอกสารและแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบสิทธิบัตร แหล่งข้อมูลเหล่านี้อาจเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ที่คล้ายกับของคุณ เช่น งานวิจัยหรือผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในตลาด หรือเว็บไซต์และสื่อออนไลน์
เมื่อค้นหาแล้ว ควรอ่านรายละเอียดคำขอสิทธิบัตรที่ใกล้เคียงกับสิ่งประดิษฐ์ของคุณ โดยเปรียบเทียบใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
- ลักษณะของสิ่งประดิษฐ์ โดยให้พิจารณาว่า สิ่งประดิษฐ์ของคุณ และ สิ่งที่ปรากฏในเอกสารสิทธิบัตรเดิม มีลักษณะใกล้เคียงกันแค่ไหน เช่น โครงสร้าง ส่วนประกอบ ฟังก์ชัน เป็นต้น หากพบว่าโครงสร้างและหน้าที่โดยรวมเหมือนกันมาก อาจแสดงว่า “ขาดความใหม่” และควรพิจารณาปรับปรุงเพื่อให้แตกต่างอย่างชัดเจน
- วิธีการทำงานหรือกระบวนการ เหมือนหรือแตกต่างอย่างไร ถ้าคุณคิดสิ่งใหม่ที่ทำงานต่างจากเดิม แม้ว่าผลลัพธ์จะคล้ายกัน ก็ยังแสดงให้เห็นถึงขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น (Inventive Step)
- ขอบเขตของคำขอ (Claims) ว่าสิ่งที่ผู้ขอรายก่อนขอรับความคุ้มครองไว้มีผลต่อคุณหรือไม่ หากมีความคล้าย แต่คุณทำบางอย่าง “นอกเหนือ” จากที่เขาขอไว้ เช่น เพิ่มองค์ประกอบใหม่ เปลี่ยนลำดับ หรือใช้วัสดุใหม่ อาจเป็นจุดที่ช่วยให้คุณขอสิทธิบัตรของตัวเองได้
หากพบว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณยัง มีความแตกต่างอย่างชัดเจน จากสิ่งที่มีอยู่เดิม ก็อาจยังมีโอกาสในการยื่นขอสิทธิบัตร แต่หากพบว่าสิ่งที่คิดขึ้น เหมือนหรือใกล้เคียงมากกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว ก็สามารถนำข้อมูลนั้นมาทบทวน ปรับปรุง หรือต่อยอดให้แตกต่างและมีความใหม่มากขึ้นได้
ในกรณีที่คุณตรวจสอบด้วยตัวเองแล้วยังไม่แน่ใจ หรือต้องการความมั่นใจสูงสุด การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิบัตรหรือทรัพย์สินทางปัญญาถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราที่ AKIP Venture มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปี พร้อมช่วยประเมินความใหม่และแนะนำแนวทางที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการจดสิทธิบัตรของคุณให้สำเร็จครับ
จะเห็นได้ว่า ‘ความใหม่’ คือก้าวแรกและเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุด ในการยื่นขอสิทธิบัตร การทำความเข้าใจข้อกำหนดต่างๆ และการตรวจสอบอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณมั่นใจว่า นวัตกรรม หรือ สิ่งประดิษฐ์ ของคุณนั้น ‘ใหม่จริง’ และคู่ควรกับการ คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งนำไปสู่การสร้างมูลค่าและโอกาสทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืนครับ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณมีความใหม่หรือไม่ การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิบัตรหรือที่ปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาจะช่วยลดความเสี่ยงในการยื่นคำขอและเตรียมความพร้อมได้อย่างมั่นใจ
หากคุณพร้อมที่จะเริ่มต้นกระบวนการขอรับสิทธิบัตร เรา AKIP Venture มีผู้เชี่ยวชาญในงานสิทธิบัตรที่มาจากสายวิชาการต่างๆ พร้อมตัวแทนสิทธิบัตรที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปี พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำและบริการแบบครบวงจร เพื่อเป็นแรงสนับสนุนการประดิษฐ์ของคุณในทุกขั้นตอน โดยสามารถติดต่อเราได้ที่เบอร์ 065-989-9815 หรือ Line ID: @akipventure (มี @)



